Search

สวัสดีครับแฟนเพจทุกท่าน ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีปีใหม่...

  • Share this:

สวัสดีครับแฟนเพจทุกท่าน ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีปีใหม่ย้อนหลัง 8 วัน และอวยพรให้ทุกท่านผ่านพ้นสถานะการณ์นี้ที่เลวร้ายของปีนี้ไปได้กันทุกท่านนะครับ

หลังจากที่ห่างหายจากการขีดๆ เขียนๆ ไปนาน ทำให้ผมได้มีเวลาอ่านหนังสือที่ดองเอาไว้ จนไปอ่านเจอปรากฏการณ์หนึ่งที่น่าสนใจนั้นคือ " What The Hell Effect " หรือ ปรากฏการณ์ช่างหัวมัน ซึ่งเราหลายคนกำลังตกอยู่ในปรากฏการณ์นี้อย่างไม่รู้ตัว

ปรากฏการณ์ช่างหัวมัน ถูกค้นพบและถูกตั้งชื่อโดย เจเน็ต โพไลวี่ ( Polivy Jenet ) และ เฮอร์มาน ซี ปีเตอร์ ( Herman C. Peter ) ซึ่งเป็นนักวิจัยด้านการควบคุมอาหาร

ปรากฏการณ์ช่างหัวมันได้อธิบายถึง วงจรการทำตามใจตัวเองของเรา ยิ่งเราละอายใจเท่าไหร่เราก็ยิ่งทำตามใจตัวเองมากขึ้นเท่านั้น โดยนักวิจัยทั้งสองได้สังเกตุคนที่เข้าทำการทดลองควบคุมอาหาร โดยผู้ที่ควบคุมอาหารกลุ่มนี้มักจะรู้สึกแย่มาก เมื่อพวกเขากลับไปกินอาหารที่มีแป้งและไขมันสูง อย่าง พิซซ่า หรือ เค้ก เพียงแค่ 1 คำ

เหล่าผู้เข้าร่วมการทดลองจะรู้สึกราวกับว่าความตั้งใจในการควบคุมอาหารที่ตั้งใจไว้ได้จบสิ้นลงแล้ว แทนที่คนกลุ่มนี้จะลดการกิน เช่น เค้กหรือพิซซ่าให้น้อยลง หรือเลิกกินไปเลย สิ่งได้กลับตรงกันข้ามเพราะ พวกเขากลับพูดว่า "ช่างหัวมันเถอะ ไหนๆฉันก็ทำลายแผนการควบคุมอาหารไปแล้ว ฉันจะสวาปามมันให้หมดแทนซะเลย" ( ใครเคยมีอาการแบบนี้บ้างยกมือขึ้น )

ปรากฏการณ์ช่างหัวมัน ไม่ได้ส่งผลแค่กับคนที่กำลังควบคุมอาหารเท่านั้น แต่วงจรนี้เกิดขึ้นได้กับทุกสิ่ง เช่น คนติดบุหรี่ที่พยายามเลิกบุหรี่ ถ้าเผลอสูบเข้าไปซักหนึ่งมวนก็มักจมีแนวโม้นะกลับไปสูบตามเดิม

คนติดเหล้าที่พยายามเลิกเหล้า ถ้าเผลอกินซักหนึ่งแก้ว ก็มีแนวโน้มจะกลับไปดื่นอีก

คนที่ตั้งใจจะควบคุมรายจ่าย โดยจะใช้ไม่เกิน xxxx บาทต่อเดือน ถ้าเผลอใช้จ่ายเกินงบที่ตั้งเอาไว้ ก็มีแนวโน้มจะล้มเลิกในเดือนถัดไป

ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ? เพราะการยอมแพ้ทำให้เรารู้สึกแย่กับตัวเอง มันกระตุ้นให้เราทำบางสิ่งเพื่อให้เรารู้สึกดีขึ้น และวิธีที่ง่ายที่สุดในการสร้างความสบายใจให้กับตัวเองนั้นก็คือ "การช่างหัวมัน"

ถ้าอย่างนั้น...เราต้องยิ่งเข้มงวดกับตัวเองใช่หรือเปล่า ถึงจะไม่เข้าสู่วงจรปรากฏการณ์ช่างหัวมัน ?

คำตอบคือไม่ใช่ครับ เพราะตัวอย่างจากงานวิจัยได้แสดงให้เห็นแล้วว่า "การตำหนิตัวเองแปรผันตรงกับการขาดแรงจูงใจและการควบคุมที่แย่ลง " หรือ ยิ่งเรารู้สึกแย่กับตัวเองเท่าไหร่ กดดันตัวเองมากเท่าไหร่ เรายิ่งจะรู้สึกอยากช่างหัวมันง่ายยิ่งขึ้น

สิ่งที่ไม่น่าเชื่อคือ "การแก้ปัญหาที่ถูกต้อคือการให้อภัยตัวเองครับ ไม่ใช่ตำหนิตัวเอง " นักจัยพบว่า การมองความล้มเหลวส่วนบุคคลด้วยสายตาที่อ่อนโยน ทำให้มีแนวโน้มจะรับผิดชอบต่อความล้มเหลวนั้นมากกว่าการมองตนเองด้วยสายตาตำหนิ การให้อภัยตัวเองช่วยบรรเทาความรู้สึกละอายใจและเจ็บปวดเมื่อนึกถึงสิ่งมี่เคยเกิดขึ้น

รู้แบบนี้แล้วใครที่ชอบกดดันตัวเองมากๆ ( แบบผม ) ก็ลองให้อภัยตัวเองกันดูบ้างนะครับ เพราะอะไรที่ตึงเกินไปก็มักจะขาด อะไรที่หย่อยเกินก็มักจะใช้การไม่ได้

ใครที่เคยเจอปรากฏการณ์ช่างหัวมันกับตัวเองมาบ้าง ก็คอมเม้นแชร์ประสบการณ์กันได้นะครับ ^^

แหล่งที่มาของข้อมูล https://www.forbes.com/sites/pauladavislaack/2017/01/30/how-to-avoid-the-what-the-hell-effect-when-you-fail/?sh=3e2d240c3345

https://www.psychologytoday.com/us/blog/pressure-proof/201701/how-the-what-the-hell-effect-impacts-your-willpower


Tags:

About author
not provided
ปรุงอาหารสมอง ปรุงอาหารความคิด ไปกับสาระศาสตร์
View all posts